วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ครบรอบ 122 ปี ชาร์ลี แชปลิน

     Charlie Chaplin  หรือ เซอร์ชาลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน จูเนียร์ (Sir Charles Spencer Chaplin, Jr.) เกิดที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1889 โดยพ่อของแชปลิน (ชาร์ลี แชปลิน ซีเนียร์) เป็นนักร้องและนักแสดง แม่ชื่อลิลี ฮาร์ลีย์ (Lily Harley) เป็นนักแสดงและนักร้องโอเปรา แชปลินมีพี่ชายต่างพ่ออีกคนชื่อ ซิดนีย์ (Sydney) พ่อและแม่ของแชปลินหย่ากันตั้งแต่เขายังเล็ก ซึ่งทั้งหมดร่วมผจญชีวิตอันลำบากยากเข็ญมาด้วยกัน วันหนึ่งแม่ของแชปลินซึ่งป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ต้องหยุดแสดงกลางคันเพราะเจ็บคอ ไม่มีเสียง ผู้ชมโห่ฮาไม่พอใจอย่างมาก ผู้จัดการเวทีไม่รู้จะ แก้ปัญหาอย่างไร บังเอิญเหลือบไปเห็นเด็กชายแชปลิน จึงพาออกมาแนะนำตัวต่อผู้ชมแล้วให้แชปลินแสดงแทนแชปลินร้องเพลงและเต้นระบำตามที่แม่หัดให้โดยไม่เคอะเขิน การแสดงของเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมอย่างไม่คาดฝัน และนั่นเป็นการแสดงบนเวทีครั้งแรกของเขา แต่เป็นครั้งสุดท้ายของแม่
          เมื่อแม่ไม่สามารถยึดอาชีพนักแสดงได้ต่อไป ความเป็นอยู่ในครอบครัวก็ลำบากขึ้น แชปลินและพี่ชายต้องเร่ขายของและทำงานรับจ้างหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ในที่สุดแม่ก็เสียสติ เขาและพี่ชายต้องเข้าพึ่งสถานสงเคราะห์เด็กอนาถา
          แม้จะประสบปัญหาทางการเงิน แต่ความฝันของแชปลินก็ยังไม่หมดไป ทุกเย็นเขาจะไปเดินเตร่แถวสำนักจัดหานักแสดง เมื่ออายุ 12 ปี แชปลินได้งานแสดงงานแรกเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ชื่อ บิลลี (Billy) ในละครเรื่อง เชอร์ล็อก โฮมส์ และได้งานต่อมาในเรื่อง Jim, The Romance of a Cockney และเริ่มเป็นที่รู้จัก แชปลินได้เข้ากลุ่มนักแสดงที่ชื่อ The Eight Lancashire Lads และได้รับความนิยมมากขึ้นจาก

ฝีมือการเต้นแท็ปของเขา ซึ่งเพียงครั้งแรกที่แชปลินได้อวดฝีมือในการแสดง นักวิจารณ์ก็เขียนชมว่า แชปลิน เป็น... "ดาราที่อนาคตจะสุกใสแน่นอน"
         แชปลินได้มีโอกาสเดินทางไปอเมริกาโดยร่วมไปกับคณะละครของเฟรด คาร์โน และได้รับการติดต่อให้แสดงภาพยนตร์ของบริษัทคีย์สโตน แชปลินสร้างความชื่นชอบให้แก่ผู้ชมด้วยภาพของตัวตลกที่สวมเสื้อคับ กางเกงหลวม รองเท้าขนาดใหญ่ สวมหมวกใบจิ๋ว ควงไม้เท้า และติดหนวดแปรงสีฟันเหนือริมฝีปากภาพยนตร์ทุกเรื่องของแชปลินทำรายได้อย่างงดงามเป็นที่กล่าวขวัญตามหน้าหนังสือพิมพ์และร้านกาแฟ หลังจากที่ประสบความสำเร็จทางด้านการแสดง แชปลินก็ขอเขียนบทและกำกับการแสดงเอง

         ผลงานเรื่องแรกของเขาคือเรื่อง Caught in the Rain ในเวลา 1 ปี บริษัทคีย์สโตนก็มีหนังที่แชปลินแสดงถึง 35 เรื่อง แต่ละเรื่องทำรายได้สูงทั้งสิ้น ในระหว่างนี้แชปลินมีรายได้อาทิตย์ละ 200 เหรียญ เมื่อสัญญาครบ 1 ปี แชปลินก็ลาออกจากคีย์สโตนเพราะบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนอาทิตย์ละ 1,000 เหรียญตามที่เขาเรียกร้องได้
         แชปลินทำงานกับบริษัท เอสซันเนย์ และมิวชวล ฟิล์ม ตามลำดับ กับบริษัทหลังนี้ เขาได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ 20,000 เหรียญและเงินโบนัสอีกปีละ150,000 เหรียญ ค่าตัวของแชปลินเพิ่มเป็นปีละ 1 ล้าน 2 แสนเหรียญ เมื่อทำสัญญากับบริษัทเฟิสต์ เนชั่นแนล ในเวลานั้นแชปลิน กลายเป็นเศรษฐีย่อย ๆ คนหนึ่ง และกลายเป็นอัจฉริยศิลปินของโลก
        ภาพยนตร์เงียบของแชปลิน มิใช่ภาพยนตร์ตลกธรรมดา แต่เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความคิดที่มีต่อสังคมและมนุษย์ โดยเฉพาะความคิดที่มีต่อสังคมในระบบทุนนิยม ดังจะเห็นได้จากผลงานเด่น ๆ เช่น The Gold Rush เป็นเรื่องของยุคคลั่งทองในอเมริกาสะท้อนภาพชีวิตของคนอเมริกันในยุคต้นของระบบทุนนิยมที่สังคมเต็มไปด้วยการแย่งชิงและฉวยโอกาส คนรวยยิ่งรวยขึ้น ในขณะที่คนจนไม่มีโอกาสที่จะยกระดับตัวเอง เรื่อง City Lights ชี้ถึงผลการเติบโตของสังคม เรื่อง Modern Times แสดงถึงชีวิตของคนในสังคมอุตสาหกรรมที่มีการแบ่งงานกันทำอย่างเป็นระเบียบเครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ได้รับการพัฒนา หนังเปรียบเทียบให้เห็นว่ามนุษย์ตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และระบบการทำงานของสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น
           ผลงานบางเรื่องของเขาเช่น The Great Dictator, Monsieur Verdoux ทำให้เขาถูกโจมตีว่าเป็นผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ เนื่องจากเขามีความคิดทางการเมืองที่ขัดกับรัฐบาล นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกสั่งห้ามเข้าอเมริกาอีก
    ถ้ามองเพียงผิวเผินคนดูอาจสงสารและเห็นว่า มุขตลกของชาร์ลี ฉายให้เห็นว่า เขาเป็นเหยื่อของสังคม แต่แท้จริงแล้วชายพเนจรผู้เซ่อซ่าคนนี้มิได้ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง ทุกครั้งที่เขาถอยหนีเพื่อให้พ้นภัยจะชูกำปั้นขึ้น แล้วหันมาทำท่าให้ศัตรูระวังตัวไว้ว่า ยังจะมีโอกาสที่เป็นของเขาบ้าง หรือท่าทางที่เดินยักไหล่ออกไปอย่างไม่สนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังในตอนจบ ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่จะบอกว่า ยังมีอนาคตและความหวังรอเราอยู่เสมอ 
         นอกจากบทบาทการแสดงเปนตัวตลกผู้ยิ่งใหญ่ในยุคภาพยนตร์เงียบแล้ว แชปลินยังได้แต่งเพลงประกอบในภาพยนตร์ต่างๆ ไว้หลายเพลงด้วยกัน อาทิเพลง This is my song ในภาพยนตร์ The Countess From Hong Kong ,เพลง Smile ในเรื่อง Modern Times ,Sing a song - เรื่อง The Gold Rush , Now that it’s ended/Mandolin Serenade/Without you /The spring song จากเรื่อง A King in New York และ Beautiful, Wonderful Eyes ใน City Lights Weeping Willows เป็นต้น
      แชปลินไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก เขาผ่านการหย่าร้างกับดาราสาวถึง 3 คน จนมาพบกับ อูนา โอนีล ซึ่งเป็นการแต่งงานครั้งที่ 4 ชีวิตครอบครัวของเขาก็มีความสุขอย่างแท้จริง
        ในบั้นปลายของชีวิต ชาร์ลี แชปลิน พำนักอยู่กับอูนาและลูก ๆ ที่สวิตเชอร์แลนด์ ในปี 1975 เขาได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษให้เป็น เซอร์ ชาร์ลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน ถัดมาอีก 2 ปี ในวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 1977 ชาร์ลี แชปปลิน ก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ปิดฉากอัจฉริยนักแสดงดาวตลกระดับโลกผู้เป็นไอดอล ของนักแสดงหลายๆคน ไปด้วยวัย 88 ปี

                                             ขอบคุณที่มา : http://www.matichon.co.th/news
ผมครับ...แมว   ไม่ใช่ Chalie  เด็ดขาด............สาบาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น